RSS News Readers

RSS News Readers 

Applications

Online Services

ข่าวเกี่ยวกับธรรมศาสตร์

เมื่อขึ้นใหญ่ได้อำนาจ
อย่าโกงชาติประชาชน
เปิดช่องให้ชั่วฉล
มาปล้นชาติปล้นแผ่นดิน
……………………………………..
จงรู้อยู่รู้พอเพียง
จงฟังเสียงผู้ค้านคัด
จงถือธรรมเป็นบรรทัด
จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน

Post from www.tuthaprajan.org

(บทกลอน ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ติดไว้ที่ ลานโพ ท่าพระจันทร์)

มธ.ยินดีเปิดให้สื่อใช้พื้นที่รายงานข่าวการชุมนุม 26 ก.พ.
23 ก.พ. 49 19:03 น.

ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ เนื่องด้วยที่ตั้งของ มธ. อยู่ติดกับสนามหลวง มีความจำเป็นต้องเข้มข้นในเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้น แต่จะเปิดประตูมหาวิทยาลัยตามปกติ และปิดประตูในเวลา 21.30

“สุรพล” เปิด มธ.ศูนย์รายงานข่าวชุมนุมใหญ่ ปัดไม่รับเงินทำวิจัยแก้ไข รธน.จากรัฐบาล
23 ก.พ. 49 15:09 น.
“สุรพล นิติไกรพจน์”อธิการบดี มธ.เปิดมหาวิทยาลัยให้สื่อมวลชนใช้เป็น Press Center สำหรับการรายงานข่าวการชุมนุม 26 ก.พ. เชื่อมั่นนักศึกษาธรรมศาสตร์หากเข้าร่วมชุมนุมก็สามารถดูแลตนเองได้ และเป็นวิจารณญาณของแต่ละคน ปัดไม่รับค่าตอบแทนทำวิจัยแก้ไขรัฐธรรมนูญรัฐบาล

 

Internet Usage in Asia

Internet Usage in Asia

ผมนั่งอัพเดตข้อมูลในสไลด์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถิติต่างๆ ของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต พบว่าผู้ใช้งานในแถบเอเชียคิดเป็น 33.9 % ของทั้งโลก ประมาณ 327 ล้านคน เฉพาะในแถบเอเชียนั้น ประเทศที่มีผู้ใข้งานอันดับหนึ่งคือ ประเทศจีน คิดเป็น 31.5% ของเอเชีย ประมาณ 103 ล้านคน รองลงมาก็เป็นญี่ปุ่น 23.9% ประมาณ 78 ล้านคน ส่วนอันดับที่สามก็คือ อินเดีย 12.0 % ประมาณ 39.2 ล้านคน

ประเทศไทยของเรานั้นอยู่ในอันดับที่ 8 คิดเป็น 2.6 % หรือประมาณ 8.42 ล้านคน มีอัตราการใช้งานที่เพิ่มขึ้นระหว่างปี 2000 – 2005 คิดเป็น 266.1%

เพื่อนบ้านของเราคือ ประเทศลาว อยู่ในอันดับที่ 29 คิดเป็น % แล้วได้ 0.0 หรือประมาณ 2 หมื่นกว่าคน ส่วนประเทศพม่า คิดเป็น 0.0 % เหมือนกัน หรือประมาณ 6 หมื่นกว่าคน แต่มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นในช่วง 2000 – 2005 ถึง 6,270 % เลยทีเดียว

ืที่มา: http://www.internetworldstats.com/stats3.htm#asia

VIP Call center?

ขอพูดถึงเรื่องการเมืองได้ไหม เพราะผมมีความไม่เข้าใจหลายๆ อย่าง

ลองอ่านข่าว “ทรท.เปิดคอลเซ็นเตอร์“จากข่าวมีวัตถุประสงค์อยู่ 3 ข้อหลัก
1) การให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายพรรค หรือกิจกรรมการเมืองของพรรคทุกอย่าง
2) การให้บริการรับข้อมูลร้องเรียนในเรื่องต่างๆ อาทิ การไม่ได้รับบริการจากโรงพยาบาลของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ
3) ให้บริการระยะยาว เช่น การรับแจ้งเบาะแสยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ต่างๆ

วันนี้มีข่าวเรื่องการเปิดทำการของ call center นี้ โดยมีหัวหน้าพรรคไปทำการเปิดระบบ พร้อมทั้งลองรับโทรศัพท์ด้วยตนเอง มีรายหนึ่งร้องเรียนเกี่ยวกับยาเสพติดในท้องที่ หัวหน้าพรรคก็ต่อสายไปคุยกับตำรวจผู้รับผิดชอบในท้องที่นั้นทันที

ตัวอย่างข้างบนก็ดูดีนะครับ

แต่ผมก็ยังสงสัยในข้อ 2) อยู่ ถ้าผมเป็นสมาชิกพรรคแล้วผมมีเหตุที่จะต้องใช้บริการจากโรงพยาบาลหรือตำรวจ (ตำรวจมีหน้าที่บริการประชาชน ถูกไหมครับ) ซึ่งบังเอิญว่างานของโรงพยาบาลหรือตำรวจนั้นมีมากจนให้บริการผมไม่ทันใจ ผมก็โทรไปแจ้ง call center ให้ติดตามให้ แน่นอนว่าดีกับผมล่ะ ผมเหมือนจะได้สิทธิพิเศษที่จะได้รับบริการตรงนี้ เรื่องของผมที่ค้างคาอาจจะดำเนินการได้เร็วขึ้น

แล้วประชาชนคนตาดำๆ ก็ได้แต่มองตาปริบๆ

ผมว่าคงมีประชาชนทั่วๆ ไปจำนวนมากที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง อย่างน้อยผมก็คนนึงหละ ผมไม่มีเส้นสาย ผมก็คงต้องรอ อย่างมากก็เข้าไปถามไปตามเรื่องด้วยตัวเอง ซึ่งมันจะเร็วขึ้นนั้นก็ไม่รู้ ไม่มีอะไรการันตีเลย

แล้วตำรวจหรือโรงพยาบาลจะเป็นอย่างไร ที่เหมือนมี call center โทรมาสอบถามติดตาม โดยหน่วยงานเจ้าของ call center นั้นเป็นพรรคการเมืองพรรคใหญ่ของประเทศที่มีหัวหน้าพรรคเป็นถึงผู้นำประเทศ

จะให้ข้อมูลเฉยๆ แล้วปฏิบัติงานไปตามปกติ ตามขั้นตอนเดิม หรือจะเร่งรัดคิว แทรกและแซงเรื่องของสมาชิกพรรคขึ้นมาก่อนคนธรรมดาทั่วๆ ไป

จริงอยู่ที่แต่ละแห่งย่อมมีปัญหาในการทำงาน บางแห่งอาจดำเนินการชักช้าและมีปัญหาจริงๆ จนกระทั่งประชาชนเดือดร้อน แล้วทำไมรัฐไม่คิดทำ call center ขึ้นมาเองบ้าง ทำงานที่มันเหมือนๆ call center ของ ทรท. นี่แหละ แต่เน้นตรงข้อ 2) ให้มากหน่อย แล้วคอยติดตามตรวจสอบปัญหา เพื่อที่จะรวบรวมแล้วนำมาแก้ไขทั้งระบบ

อย่างนี้ถ้าเกิดมีใครสักคนอยากจะตั้ง call center ทำนองเดียวกันนี้ขึ้นมาบ้างได้ไหม เพื่อทำหน้าที่เร่งรัดติดตามงานที่คั่งค้างชักช้า เปิดเป็นบริษัทรับติดตามงานล่าช้าของรัฐทั่วราชอาณาจักร

ผมได้ยินนายกให้สัมภาษณ์ว่า จะให้เน้นดูแลจังหวัดที่ให้การสนับสนุนพรรคก่อน เมื่อรวมกับ call center ด้วยแล้วทำให้งงๆ ว่า ประชาชนคนไทยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มแล้วหรือไร คือ กลุ่มที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิกของพรรค เหมือนเป็นกลุ่มคน VIP และคนธรรมดาทั่วๆ ไป

เข้าใจว่านี้เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้ที่เป็นสมาชิกของพรรคนั้นจะได้รับสิทธิพิเศษกว่าคนอื่นๆ ซึ่งอาจจะทำให้มีคนสนใจสมัครเป็นสมาชิกของพรรคมากขึ้น นัยว่าเป็นเรื่องของการเอา CRM (Customer Relationship Management) มาใช้

น่าน้อยใจสำหรับคนธรรมดาๆ ชาวบ้านตาดำๆ ทั่วไปไหม ที่อยู่ดีๆ คนข้างบ้านก็กลายเป็นกลุ่มคน VIP ไปซะงั้น

เดือนแห่งการเดินทาง

ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผมเดินทางบ่อยมากกว่าปกติ เริ่มตั้งแต่งานประชุมวิชาการวิศวกรรมไฟฟ้าครั้งที่ 28 (EECON-28) ซึ่งปีนี้ธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพ ครั้งนี้จัดให้มีขึ้นที่จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 19-20 ต.ค. 48 มีคนไปร่วมงานประมาณ 400 คนได้ ผมได้รับมอบหมายให้เป็นตากล้องคนหนึ่งในงานนี้ DSC_1785 ถึงแม้งานประชุมจะมีแค่ 2 วัน แต่ผู้จัดงานก็ต้องเดินทางไปจัดเตรียมงานล่วงหน้าและต้องเดินทางกลับทีหลังเพราะต้องเก็บข้าวเก็บของต่างๆ ที่ขนไปจัดงานกลับมาให้ครบถ้วน รวมๆ แล้วผมอยู่ที่ภูเก็ตทั้งหมด 5 วัน แต่ก็ไม่ได้ออกตะเวณเที่ยวที่ไหน นอกจากในวันสุดท้ายที่จัดไปเที่ยว ซึ่งถือเป็นการให้รางวัลผู้ที่เสียสละเข้ามาช่วยงานซึ่งก็มีนักศึกษาป.ตรีและป.โท รวมทั้งอาจารย์และเจ้าหน้าที่ของภาควิชาส่วนหนึ่ง

สถานที่พวกเราไปแวะไปเยี่ยมชมคือที่แรกคือพระผุด และจากนั้นก็เดินทางไปที่แหลมพรหมเทพ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ถึงแม้จะเคยมาภูเก็ตเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่ก็ไม่มีโอกาสได้แวะ ซึ่งที่นี่พวกเราก็สนุกสนานกับการถ่ายภาพพอสมควร นักศึกษาบางคนก็เดินลงไปที่แหลมเลย ส่วนผมแค่คิดก็เหนื่อยแล้วจึงได้แค่ถ่ายภาพบรรยากาศรอบๆ Img0084

หลังจากถ่ายรูปที่แหลมพรหมเทพกันจนหนำใจแล้ว พวกเราก็เดินทางไปที่ภูเก็ตแฟนตาซี งานนี้ทุกคนได้เข้าไปดูฟรีหมด เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับการร่วมแรงร่วมใจกันช่วยงานเป็นอย่างดี ผมทราบมาว่าได้รับคำชมจากผู้ร่วมงาน รวมทั้งกรรมการของ EECON ที่เราสามารถจัดงานได้ดี โดยมีข้อผิดพลาดน้อยมาก

ส่วนตัวผมเองหลังจากกลับจากงาน EECON แล้วก็แทบไม่มีเวลาพักเพราะต้องจัดเตรียมเอกสารเพื่อใช้ในการอบรม PHP ต่อทันที (25-28 ต.ค.) ซึ่งจริงๆ แล้วก็หอบไปที่ภูเก็ตด้วยเหมือนกัน แต่ก็แทบไม่ได้ทำอะไรเพราะลำพังแค่งาน EECON ก็เหนื่อยแล้ว ผมอาศัยช่วงเวลาที่ต้องเป็นรองประธาน session ซึ่งส่วนใหญ่ก็นั่งเฉยๆ ทบทวนเอกสารก่อนการบรรยาย เรียกได้ว่าฉุกละหุกพอสมควร ที่สำคัญคือในช่วงที่มีการอบรมนั้นผมเป็นช่วงที่ต้องส่งเกรดให้กับสำนักทะเบียน รอดช่วงเวลานั้นมาได้ก็สาหัสเหมือนกันครับ

หลังจากอบรมเสร็จ วันที่ 29 ต.ค. ผมก็ต้องเดินทางไปงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนๆ สมัยมัธยมที่ อ.แกลง จ.ระยอง มีเพื่อนๆ ไปพร้อมกับครอบครัวรวมๆ แล้วเกือบ 30 คน พวกเราไปค้างที่รีสอร์ทหนึ่งคืนแล้ววันที่ 30 ต.ค. ก็เดินทางกลับ งานเลี้ยงสนุกมาก เกินคำบรรยาย ถ้าคุณมีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมที่สนิทกันมากๆ คุณคงจะเข้าใจถึงสิ่งที่ผมพูดดีครับ

ผมมีเวลาพักอยู่เฉยๆ อีก 3 วัน ซึ่งก็ใช้เวลานี้ในการจัด คัด เลือกรูปภาพงาน EECON เพื่อที่จะนำขึ้นเว็บให้ผู้ที่รอดูรูปภาพได้ดูเสียที แล้วในวันที่ 3-4 พ.ย. ผมก็ต้องเดินทางไปที่วิทยาลัยนวัตกรรม ม.ธรรมศาสตร์ ที่พัทยา เพื่อประชุมในเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายทางด้านไอทีของมหาวิทยาลัย งานนี้ทำให้ทราบว่ามหาวิทยาลัยกำลังมีการปรับปรุงส่วนงานต่างๆ โดยเอาไอทีเข้าไปช่วย มีการดำเนินการหลายอย่างที่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต

ลืมบอกไปว่าครั้งก่อนที่ไปงานเลี้ยงรุ่น และครั้งที่ไปพัทยานี้ผมขับรถไปเองทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งหลังจากงานประชุมที่พัทยาแล้ว ผมก็เลยไปเยี่ยมเพื่อนที่ อ.แกลงอีกครั้ง คราวนี้อยู่ที่แกลง 3 วัน 2 คืน ซึ่งเพื่อนก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนจริงๆ ช่วงหนึ่ง ผมแบกกล้องไปด้วยแต่ก็ไม่ได้ถ่ายอะไรมากนัก

*รูปถ่ายข้างบนสามารถคลิกได้ครับ

วันนี้มีอะไร…

– ดูข่าวทีวี เห็นประธานวุฒิสภากับส.ว. ทะเลาะกัน
– “ทักษิณ” เปิดฉากฟ้อง “สนธิ” เรียก 500 ล้าน
– นักโทษ 3 ตนผูกคอตายปริศนา
– ฆ่าเจ้าของร้านทองและภรรยา
– พ่อข่มขืนลูก
– ภาคใต้ยังร้อนระอุ

Service mind

สมัยผมเรียนปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยมีห้องคอมพิวเตอร์เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ในช่วงปีแรกๆ จำนวนคอมพิวเตอร์มีไม่เพียงพอกับจำนวนนักศึกษา แต่ปีถัดมาก็ได้แก้ไขโดยการเพิ่มจำนวนคอมพิวเตอร์และย้ายไปยังห้องที่รองรับจำนวนนักศึกษาได้มากขึ้น ที่ถูกใจผมก็คือนอกจากมีเครื่อง pc ให้บริการแล้วก็ยังมี SUN sparc 10 ซึ่งทันสมัยในตอนนั้นให้นักศึกษาใช้งานด้วย

ทุกอย่างน่าจะไปได้ด้วยดี นักศึกษาน่าจะพอใจ เพราะนักศึกษาที่ไปใช้คอมพิวเตอร์ทำงานมีจำนวนมากเรียกได้ว่ามีนักศึกษาไปใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง แต่มีจุดเล็กๆ ที่สร้างปัญหาทำให้เรื่องลุกลามใหญ่โต จนถึงขึ้นเกิดการประท้วงจากนักศึกษาจำนวนมาก ในที่สุดผู้บริหารของสำนักคอมพิวเตอร์ต้องออกมาพบนักศึกษาในที่ประชุมใหญ่

จุดเล็กๆ ที่ว่านั่นก็คือเรื่องของการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องคอมพิวเตอร์ ผมจำได้ว่ามหาวิทยาลัยจ้างให้บริษัทรปภ.เป็นผู้รับผิดชอบ ปัญหาอยู่ที่รปภ. ที่เฝ้าห้อง เพราะได้แสดงกริยาที่ไม่สุภาพกับนักศึกษา ซึ่งผมเองก็เจอมากับตัวเองด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังทราบมาจากเพื่อนว่าได้มีการเรียกเก็บเงินจากนักศึกษาด้วยหากต้องการให้ลัดคิวการจองเครื่องคอมพิวเตอร์

เมื่อเจอกับมารยาทที่ทรามและพฤติกรรมเหมือนมาเฟียของรปภ. ไปสักระยะ ในที่สุดนักศึกษาทนไม่ได้จนถึงขึ้นเกิดการประท้วง ซึ่งดูเหมือนว่าผู้บริหารที่น่าจะเป็นอาจารย์ก็เพิ่งจะได้รับทราบเรื่องราวจากนักศึกษาในวันที่เกิดการประท้วงนั่นเอง จำได้ว่าผมเห็นอาจารย์พูดอะไรไม่ออก ได้เพียงแต่สอบถามข้อมูล และจดบันทึกเพื่อที่จะนำไปแก้ไข ซึ่งในที่สุดเรื่องราวก็จบลงด้วยดี

แต่เรื่องราวและภาพเหล่านี้ถูกทำให้กลับมาปรากฎในความจำผมอีกครั้ง เพราะผมได้รับแจ้งจากนักศึกษาว่ามีเจ้าหน้าที่พูดจาไม่สุภาพและแสดงกริยาที่ไม่เหมาะสมกับนักศึกษา ผมเองนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องราวอะไรแบบนี้ขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้บริหารผมก็คงต้องหาทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะลุกลามใหญ่โต

ศูนย์คอมพิวเตอร์ฯ ให้บริการแก่นักศึกษาทั้งหมดของคณะ รวมทั้งอาจารย์และบุคลากรทั้งหมด ศูนย์ฯ มีห้องคอมพิวเตอร์ให้บริการนักศึกษา โดยมีการปรับปรุงและพัฒนาระบบอยู่ตลอด ซึ่งอะไรที่พยายามปรับปรุงและพัฒนานั้นก็เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการ แต่เมื่อเจอตัวผู้ใช้งานจริงๆ เข้า เจ้าหน้าที่กับแสดงกริยาไม่เหมาะสมกับนักศึกษา

ถ้าอย่างนั้น อะไรต่างๆ ที่พยายามพัฒนาแก้ไขปรับปรุงมาทั้งหมดนั้น จะทำไปทำไมกัน? เพราะเมื่อเจอผู้ใช้จริงๆ แล้วกลับมีกริยาเหมือนไม่ต้อนรับและไม่ยินดีให้บริการ แสดงว่าเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบมีความเข้าใจอะไรผิดบางอย่างเกี่ยวกับหน้าที่การให้บริการของศูนย์ฯ

ปัญหานี้น่าจะเป็นเรื่องของ Service mind หรือการมีจิตใจในการให้บริการ มีความเต็มใจในการให้บริการ ผมลองค้นหาในเว็บว่า service mind คืออะไร ซึ่งก็ได้มีผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ โดยอธิบายคำว่า service และ mind ดังนี้

S = Smile แปลว่า ยิ้มแย้ม
E = enthusiasm แปลว่า ความกระตือรือร้น
R = rapidness แปลว่า ความรวดเร็ว ครบถ้วน มีคุณภาพ
V = value แปลว่า มีคุณค่า
I = impression แปลว่า ความประทับใจ
C = courtesy แปลว่า มีความสุภาพอ่อนโยน
E = endurance แปลว่า ความอดทน เก็บอารมณ์

และ

M = make believe แปลว่า มีความเชื่อ
I = insist แปลว่า ยืนยัน/ยอมรับ
N = necessitate แปลว่า การให้ความสำคัญ
D = devote แปลว่า อุทิศตน

ข้อมูลข้างบนนี้นำมาจาก http://www.cdd.go.th/jarupong/j4607181.htm ลองเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้