ผู้มีบารมีของนายกรัฐมนตรี

เพื่อนร่วมงานผมคนหนึ่งบอกว่าช่วงนี้เขามีความสุขมาก  ผมสงสัยก็เลยถามเขาว่าเพราะอะไรหรือ
เขาตอบผมว่า เพราะช่วงหลังๆ นี้เขาไม่ดูทีวี ไม่อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะข่าวเรื่องการเมือง
ผมถึงบางอ้อทันที และอิจฉาเขาเป็นอย่างยิ่ง

ย้อนกลับไปในในช่วงงานพระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีนั้น ความสุขของปวงชนชาวไทยพุ่งขึ้นหลายสิบเท่า ปวงประชาล้วนมีความสุขและชื่นชมในพระบารมี  ตัวผมเองตั้งใจว่าจะใช้ช่วงเวลาที่เป็นวันหยุดหลายวันนั้นสะสางงานต่างๆ ให้เสร็จสิ้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจ เพราะอดไม่ได้ที่จะนั่งเผ้าหน้าจอทีวี เพื่อที่จะรอชมพระราชพิธีและรายการพิเศษ ภาพยนตร์ส่วนพระองค์ ที่ช่อง 9 อสมท. นำออกมาแพร่ภาพให้ประชาชนได้ชม

ผ่านพ้นงานพระราชพิธีที่ทำให้ชาวประชามีความสุขยังไม่ถึงเดือน นายกรัฐมตรีก็ออกมาพูดในที่ประชุมหัวหน้าส่วนข้าราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ และข้าราชการ ซี 10 ขึ้นไป ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 29 มิถุนายน 2549  โดยวาทะที่สร้างความปั่นป่วนก็คือ วาทะที่เกียวกับผู้มีบารมี (อ่านเพิ่มเติมที่นี่)

ไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีต้องการสื่ออะไร แต่ว่าวาทะของท่านทำให้เกิดเรื่องราวอื่นๆ ตามมามากมาย มีผู้แสดงความคิดเห็นจำนวนมากในเรื่องนี้

ผมอยากรู้ว่าคำว่า บารมี มีความหมายว่าอย่างไร  พอดีในบทความดับเครื่องชนทักษิณของคุณปราโมทย์ ได้เขียนไว้แล้วว่า 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พิมพ์ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2538 วางอยู่ข้างหน้า คำว่าบารมีมีความหมายดังต่อไปนี้ “คุณงามความดีที่ควรบำเพ็ญมีอยู่ 10 อย่าง คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ (การออกจากกาม คือบวช) ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา เรียกว่า ทศบารมี ; คุณความดีที่ได้บำเพ็ญมา,คุณสมบัติที่ทำให้ยิ่งใหญ่, เช่นว่า ชมพระบารมี พระบารมีปกเกล้าฯ พ่ายแพ้แก่บารมี”

ตัวผมเองเข้าใจว่าคำว่า บารมี เป็นคำที่มีความหมายในเชิงบวกมีความดีความถูกต้องเหมาะสมเข้ามาเกี่ยวข้อง  ผู้มีบารมี ก็ย่อมเป็นคนดี สั่งสมความดี ทำความดี จนเกิดบารมีขึ้นแก่ตัวเอง  ในเมื่อผู้มีบารมีเป็นคนดี แล้วทำไมนายกจึงออกมาพูดในเชิงลบแก่ผู้มีบารมีหนอ? เท่าที่ผมนึกได้ คำที่ดูเหมือนจะตรงข้ามกับ “ผู้มีบารมี” น่าจะคือ “ผู้มีอิทธิพล”

ผู้มีบารมีย่อมไม่ทำตัวไม่ดี ไม่ถูกต้อง และคงไม่มาเสียเวลาวุ่นวายกับผู้มีอิทธิพลให้เสียบารมี  ส่วนผู้มีอิทธิพลนั้นจะทำอะไรนั้นไม่มีใครรู้ได้ เพราะอิทธิพลอาจจะทำให้เขารู้สึกยิ่งใหญ่ สำคัญตัวผิด จนคิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้

ผมไม่น่าเปิดทีวีและอ่านข่าวหนังสือพิมพ์เลย  พรุ่งนี้ผมคงต้องเลิกอ่านหนังสือพิมพ์แล้วเอาทีวีไปทิ้งแล้วละครับ

ทรงมองเห็นอนาคต

“ในโลกนี้อาจมีคนที่มองเห็นอนาคตมากมาย
แต่โลกนี้ มีพระราชาเพียงพระองค์เดียว ที่ทรงมองเห็นอนาคต
ทรงค้นคว้าเรื่องพลังงานทดแทน ในขณะที่น้ำมันยังมีราคาเพียงลิตรละไม่กี่บาท
วันนี้ พลังงานทดแทนที่ทรงริเริ่มไว้ ทำให้ประเทศไทยลดการนำเข้าน้ำมัน ได้ปีละนับพันล้านบาท
เป็นโชคดีของคนไทย เราไม่เพียงแต่มีพระราชาที่ยิ่งใหญ่ เรายังมีพระราชาที่ทรงมีความคิดที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย
แนวพระราชดำริของพระองค์ จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราคิดไกล และมุ่งมั่นพัฒนาพลังงาน เพื่ออนาคตที่มันคงของไทย
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)”

ppt-kingad.jpg

http://www.adintrend.com/show_ad.php?id=839

พระบรมราโชบายขนานนามสกุล

พระบรมราโชบายขนานนามสกุล

โดย จุลลดา ภักดีภูมินทร์
ฉบับที่ 2591 ปีที่ 50 ประจำวัน อังคาร ที่ 15 มิถุนายน 2547

-ผมเกิดจังหวัดเพชรบูรณ์ จะขอเปลี่ยนนามสกุลเดิมของบิดา เป็น ‘ณ เพชรบูรณ์’ได้หรือไม่ เพราะยังไม่เห็นมีนามสกุลนี้เลย-

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัตินามสกุล พ.ศ.๒๔๕๖

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัตินามสกุล พ.ศ.๒๔๕๖
ในภาพ ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ด้วย พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี เมื่อโปรดเกล้าฯทรงประกอบพิธีอภิเษกสมรสด้วยพระนางเจ้าฯ แต่ยังทรงเป็นเจ้าจอมสุวัทนา

มีพระบรมราโชบายในการขนานนามสกุลหลายข้อ ข้อที่เกี่ยวกับเกณฑ์ภูมิลำเนานั้น มีว่า

“๔. (ก.) เกณฑ์ภูมิลำเนา คือ (ตั้ง) ตามนามตำบลที่อยู่ เช่น ‘สามเสน’ ‘บางขุนพรหม’ ‘บางกระบือ’ แต่ห้ามมิให้มี ‘ณ” อยู่ข้างหน้านามตำบล เพราะ ณ จะมีได้แต่ที่พระราชทานเท่านั้น”

แต่เมื่อเป็นเพียงประกาศพระบรมราโชบาย มิใช่พระบรมราชโองการ และมิได้ตราเป็นพระราชบัญญัติจึงปรากฎว่า ยังมีผู้ใช้ ‘ณ’ นำนามสกุลอยู่

ใน พ.ศ.๒๔๕๘ จึงโปรดเกล้าฯให้ประกาศพระบรมราชโองการว่า

“ได้มีประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๘ สั่งว่า ห้ามมิให้ใช้ ‘ณ’ นำหน้านามสกุล ผู้ใดใช้ไปก่อนประกาศนี้ให้ถอน ‘ณ’ ออกเสีย ถ้าผู้ใดมีความประสงค์จะใช้ให้นำเรื่องราวขอพระบรมราชานุญาตเสียก่อน”

ทั้งนี้เพราะคำว่า ‘ณ’ สำหรับโปรดเกล้าฯ พระราชทาน เฉพาะสกุลที่สืบเชื้อสายลงมาจาก เจ้าผู้ครองนคร หรือผู้ว่าราชการเมือง (ก่อนเรียกกันว่าจังหวัด) เท่านั้น

แม้ในปัจจุบันจะใช้พระราชบัญญัตินามสกุล พ.ศ.๒๕๐๕ ซึ่งตราขึ้นในสมัย จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยกเลิก พระราชบัญญัตินามสกุล พ.ศ.๒๔๕๖ ทว่าพระบรมราชโองการประกาศ เกี่ยวกับคำว่า ‘ณ’ คงจะยังถือปฏิบัติกันอยู่ จึงมิได้มีผู้ใดขอตั้งนามสกุลอันขึ้นต้นด้วยคำ ‘ณ’

ไหนๆก็ถามมาแล้ว จึงได้คุ้นนามสกุลพระราชทานที่ขึ้นต้นว่า ‘ณ’ ทั้งเหตุผลที่โปรดฯ พระราชทานแก่ผู้ขอด้วย

นามสกุลพระราชทานในรัชกาลที่ ๖ ขึ้นต้นว่า ‘ณ’ หน้าชื่อเมืองมี ๒๑ นามสกุล

๑. ณ กาฬสินธุ์ พระราชทาน พระยาไชยสุนทร (เก) ทวดและปู่เป็นเจ้าเมืองกาฬสินธุ์ เชื้อสายเจ้าเมืองกาฬสินธุ์มาแต่ก่อน

๒. ณ จัมปาศักดิ์ พระราชทานเจ้าศักดิ์ประสิทธิ์ (เจ้าเบงคำ) เจ้าศักดิ์ประเสริฐ์ (เจ้าอุย) บุตรชายเจ้านครจัมปาศักดิ์ ซึ่งเข้ามารับราชการในเมืองไทย ไม่ยอมอยู่ในบังคับฝรั่งเศส

๓. ณ เชียงใหม่ พระราชทานเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่

๔. ณ ตะกั่วทุ่ง พระราชทาน พระราชภักดี (หร่าย) ยกระบัตรมณฑลปัตตานี ทวดและปู่เป็นผู้ว่าราชการเมืองตะกั่วทุ่ง

๕. ณ ถลาง พระราชทานพระยา ๓ ท่าน ซึ่งร่วมทวดเดียวกัน ทวดเป็นพระยาถลาง

๖. ณ นคร พระราชทาน เชื้อสาย เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ที่ว่าเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

๗. ณ น่าน พระราชทาน ผู้สืบสกุลจากพระเจ้าสุริยพงษผริตเดช พระเจ้าน่าน

๘. ณ บางช้าง พระราชทานสำหรับพระญาติวงศ์ของสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๑ ซึ่งเป็นราชินิกุลในรัชกาลที่ ๒

๙. ณ ป้อมเพ็ชร์ สกุลนี้เดิมตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ป้อมเพชรกรุงเก่า มีชื่อเสียงอยู่ในกรุงเก่า

๑๐. ณ พัทลุง พระราชทานผู้สืบสายจากเจ้าเมืองพัทลุง สายสุลต่านสุลัยมาน ผู้เป็นเจ้าเมืองพัทลุงมาหลายชั้น ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา

๑๑. ณ พิศณุโลก พระราชทานหม่อมคัทริน ใน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯกรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ก่อนพระราชทานนามสกุล ‘จักรพงศ์’ในรัชกาลที่ ๗

มีผู้ใช้นามสกุลนี้เพียงท่านเดียว คือ หม่อมคัทริน

๑๒. ณ มโนรม ทวดและปู่ของผู้ขอพระราชทาน เป็นผู้ว่าราชการเมืองมโนรม

๑๓. ณ มหาไชย พระราชทานพระยาเทพทวาราวดี (สาย) อธิบดีกรมมหาดเล็ก ข้าหลวงเดิม และเคยเป็นเจ้ากรมเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงพระอิสริยยศ เป็นกรมขุนเทพทวาราวดี พระยาเทพฯ มีภูมิลำเนาอยู่ตำบลมหาไชย

๑๔. ณ ระนอง พระราชทานแก่ผู้สืบเชื้อสายพระยาระนองคนแรก คือพระยาดำรงมหิศร์ภักดี (คอซู้เจียง)

๑๕. ณ ร้อยเอ็จ พระราชทานแก่พระยาขัติยะวงศา (หลา) ผู้ว่าราชการเมืองเมืองร้อยเอ็จ ซึ่งเป็นเชื้อสายเจ้าเมืองร้อยเอ็จมาแต่ครั้งทวด ปู่ และบิดา

๑๖. ณ ลำปาง พระราชทานผู้สืบเชื้อสายเจ้านครลำปาง (เจ้าเจ็ดตน)

๑๗. ณ ลำพูน พระราชทานผู้สืบเชื้อสายเจ้านครลำพูน (เจ้าเจ็ดตน)

๑๘. ณ วิเชียร ปู่และบิดาเคยเป็นผู้ว่าราชการเมืองวิเชียรบุรีในจังหวัดเพชรบูรณ์

๑๙. ณ สงขลา พระราชทานผู้สืบสกุล เจ้าพระยาสงขลา

๒๐. ณ หนองคาย พระราชทานผู้สืบสายเจ้าเมืองนครหนองคายมาแต่ปู่และบิดา

๒๑. ณ อุบล พระราชทานพระอุบลประชารักษ์ (เสือ) ทวดเป็นพระประทุมวงศา (คำผา) เจ้าเมืองอุบลคนแรก

นอกจากนามสกุล ‘ณ’ โดยตรงแล้ว ยังมีอีก ๗ สกุล ที่โปรดฯให้ใช้ ‘ณ’ ต่อท้ายนามสกุลที่แยกออกจาก ‘ณ’ เดิม คือ

๑. โกมารกุล ณ นคร

๒. ประทีป ณ ถลาง

๓. สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง

และอีก ๕ นามสกุลที่โปรดฯให้ใช้ ‘ณ’ ตามหลังนามสกุล คือ

๑. พรหมสาขา ณ กลนคร พระราชทานให้พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) เชื้อสายเจ้านครสกลนครมาแต่ครั้งทวด (พระบรมราชา)

๒. ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม เชื้อสายเจ้าเมืองมหาสารคามมาแต่ทวด เจ้าราชวงศ์ (หล้า)

๓. รัตนดิลก ณ ภูเก็ต เชื้อสายพระภูเก็ตโลหเกษตรรักษ์

๔. สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง แยกจาก ณ พัทลุง โปรดเกล้าฯ พระราชทานว่า สุคนธาภิรมย์ เพราะผู้ขอพระราชทานมีปู่ชื่อกลิ่น บิดาชื่อชม

๕. สุนทรกุล ณ ชลบุรี นามสกุลนี้พิเศษกว่า ‘ณ’ อื่นๆ ด้วยเป็นนามสกุลสืบทอดมาจาก ‘เจ้า’ ผู้ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นจากสามัญชน ที่มิได้มีเชื่อสายเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวดองกับพระบรมราชจักรีวงศ์ เจ้านามพระองค์นี้ คือ กรมขุนสุนทรภูเบศร์ พระนามเดิมว่า ‘เรือง’ หรือ ‘จีนเรือง’ เป็นชาวเมืองชลบุรี เป็นผู้มีอุปการคุณแก่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อเสด็จยกทัพไปตีจันทบุรี จีนเรืองรักใคร่ชอบพอกับสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทมาก ถึงแก่ได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เสด็จปราบดาภิเษก จึงทรงสถาปนาขึ้นเป็น เจ้า ตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระอนุชาธิราช พระราชทานให้สร้างวังอยู่ปากคลองวัดชนะสงคราม (หรือปากคลองโรงไหม) ตรงข้ามวังหน้า ถึงรัชกาลที่ ๓ พระราชทานให้เป็นวังเจ้าฟ้าอิศราพงศ์

กรมขุนสุนทรภูเบศร์ นี้ได้เป็นเจ้าแต่เฉพาะองค์เดียว ลูกมิได้เป็นเจ้าด้วย ทว่าผู้ขอพระราชทานนามสกุล จดไว้ว่า ‘หม่อมหลวงจาบ’ เห็นทีพวกลูกหลานคงเรียกกันว่า ‘หม่อม’ ตามที่เรียกยกย่องพวกผู้ดีมีสกุลมาแต่ครั้งอยุธยา เมื่อถึงรัชกาลที่ ๔-๕ จึงโปรดฯให้เป็นหม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง ด้วยถือว่าเป็นแต่ราชนิกุล ไม่ใช่เจ้า

ยังมี นามสกุล ‘ณ’ อีกสกุลหนึ่ง คือ ‘ณ ราชสีมา’ และ ‘อินทรกำแหง ณ ราชสีมา’ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก เจ้าพระยากำแหงสงคราม (ทองอิน) ผู้ว่าราชการเมืองนครราชสีมา ท่านผู้นี้มีประวัติแบบเดียวกันกับเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) คือว่ากันว่าเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยโปรดพระราชทานเจ้าจอมยวน ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ในแก่เจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น)

นามสกุล ‘ณ ราชสีมา’ และ ‘อินทรกำแหง ณ ราชสีมา’ ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๔ นี้

ที่มา: http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetailsql.asp?stcolumnid=3004&stissueid=2591&stcolcatid=2&stauthorid=13

แหล่งข้อมูลอื่น:

พระราชดำรัสของในหลวง

“…….ตลอดระยะเวลา 60 ปี ข้าพเจ้าใครจะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การทำนุบำรุงประเทศชาตินั้น มิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิดชอบของคนไทยทุกคน ที่จะต้องขวนขวายกระทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อธำรงรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญและผาสุกร่มเย็น ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งจึงมีภาระหน้าที่เช่นเดียวกันกับคนไทยทั้งมวล…..”

พระราชดำรัสที่ทรงมีต่อบุคคลสำคัญของประเทศไทย และพระราชอาคันตุกะที่เข้าเฝ้าฯ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (12 มิ.ย.)

อ่านข่าวและดูรูปได้ที่ http://www.thaimonarchy.com/special.php?page_show=bestwish

ร้องเรียน ICT?

สืบเนื่องจากบลอกที่ผมเขียนเรื่อง “เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม?” วันนี้ผมลองเปิดเว็บที่ผมทำ redirect ไว้ คราวนี้ปรากฎหน้าให้ร้องเรียน ICT แทนดวงตากลมโต

ผมจะกรอกแบบฟอร์มแล้วส่งไป บอกตรงๆ ว่าผมไม่มีอะไรกับกระทรวง ICT แต่อยากให้ทำให้สิ่งที่ถูกต้องโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั่วไป

ict.png

ROYAL JUBILEE

Royal Jubilee
      

Annan honours His Majesty’s life work      

UN chief, Prem pay tribute to commitment to betterment of the people’s lot

The United Nations yesterday commenced the grand Diamond Jubilee celebration of His Majesty the King by bestowing on him the inaugural Human Develop-ment Lifetime Achievement Award for his dedication to human development.

“As the world’s ‘Develop-ment King’, Your Majesty has reached out to the poorest and the most vulnerable people of Thailand regardless of their status, ethnicity or religion, listened to their problems, and empowered them to take their lives in their own hands,” UN chief Kofi Annan said during the presentation.

Annan, as well as his wife, were granted a royal audience at Klaikangwon Palace in Hua Hin in the afternoon, where he personally conferred the award from the UN Develop-ment Programme, created to mark the occasion for the world’s longest-reigning monarch.

“With this award, we hope to further promote the invaluable experiences and lessons learnt from Your Majesty’s development endeavours and help draw attention to Your Majesty’s visionary thinking beyond the borders of the Kingdom of Thailand,” Annan said.

The King’s countless rural development projects have been at the forefront of innovation and benefited millions of people across Thailand, he said. The royal projects have promoted small-scale agriculture, appropriate farming technologies, sustainable use of water resources, conservation, and flood and drought mitigation, he added.

As a visionary thinker, His Majesty has played an invaluable role in shaping the global development dialogue, he said.

 

“Your Majesty’s ‘sufficiency economy’ philosophy, emphasising moderation, responsible consumption, and resilience to external shocks, is of great relevance worldwide during these times of rapid globalisation. It reinforces the United Nation’s efforts to promote a people-centred and sustainable path of development,” he said.

Before heading to the summer palace, Annan delivered the keynote speech at a high-level panel discussing “His Majesty the King and Human Development” at the Foreign Affairs Ministry.

Privy Council President Prem Tinsulanonda, in his opening address to the seminar, noted the King’s lifelong dedication to bettering the welfare and livelihood of his subjects.

“Sixty years ago, at His Majesty’s coronation in 1946, His Majesty articulated his overriding goal: ‘We shall reign in righteousness for the benefit and happiness of the Siamese people’.

“Those words encapsulate the commitment of His Majesty to placing the people of Thailand at the very heart of his reign and at the centre of his initiatives,” Prem said.

While the list of royal initiatives is endless, Prem reflected on His Majesty’s four guiding principles imparted to the people for use in pursuing their lives and development: moderation in conducting one’s affairs, perseverance in the face of hardship and suffering, individuality in identifying problems and selecting solutions, and cherishing the sense of being Thai.

Annan arrived in Bangkok on Thursday evening from Vietnam and leaves this morning for Hong Kong. Yesterday he met and lunched with caretaker Prime Minister Thaksin Shinawatra at Government House.

Sopaporn Kurz
The Nation

Sopaporn KurzThe Nation

Sopaporn KurzThe Nation

เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม?

Cyber Clean?

ถ้าคุณเปิดเว็บไซต์ของตัวเองแล้วพบว่าถูกปิดกั้นโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปรากฎเป็นหน้าจอสีเขียว มีรูปดวงตาที่มีสัญลักษณ์ของกระทรวงอยู่ข้างใน (เหมือนจะบอกว่า เราจับตาดูคุณอยู่นะ)  แบบทางด้านบนเนี่ยจะทำยังไงครับ

ผมเดาเอาว่า คุณน่าจะงงเหมือนๆ ผม และคิดในใจว่า นี่มันอะไรกันเนี่ย?

เมื่อลองสำรวจดู ผมพบว่าเว็บของผมที่เข้าไม่ได้นั้น ใช้บริการ URL redirect ของบริษัทผู้รับบริการทดทะเบียนโดเมนเนม (Enom) ซึ่งอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 

ลักษณะของการทำ URL redirect นี้ มีแทบทุกในบริษัทผู้รับจดโดเมนเนม (Registrar) ซึ่ง Enom ก็เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการในลักษณะนี้  การทำ URL redirect นั้น บ. Enom ได้ตั้งเซิร์ฟเวอร์ขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ  และเมื่อเวลามีผู้เปิดเว็บที่เป็น URL redirect ก็จะมีการเรียกดูข้อมูลที่เซิร์ฟเวอร์นี้  ก่อนที่บราวเซอร์จะถูกส่งต่อไปยังเว็บไซต์ปลายทางอีกทีหนึ่ง

Enom VS CyberClean

จากรูป ก็จะเห็นว่ามีอยู่ 3 ขั้นตอนหลังจากที่ผู้ใช้พิมพ์ URL ที่จะถูก redirect ลงไป คือ

  1. บราวเซอร์ติดต่อไปยัง Enom URL Redirect Server
  2. Enom แจ้งเว็บปลายทางกลับมา
  3. บราวเซอร์ติดต่อไปยังเว็บปลายทาง

ผมคาดเดาเอาว่าคงมีผู้จดโดเมนบางคน ใช้บริการของ URL redirect  ของ Enom กับเว็บต้องห้ามของตัวเอง  ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่บล็อกเว็บคงต้องการตัดไฟแต่ต้นลม (หรือในอีกแง่คิดหนึ่ง – มันทำง่ายดี)  ก็เลยบล็อกขั้นตอนที่ 1 ซะ คือไม่ให้ติดต่อกับ Enom URL redirect server

enom-vs-cyberclean2.jpg

การทำแบบนี้หมายความว่า จะไม่สามารถใช้บริการ URL redirect ของ Enom ได้เลย  ดั้งนั้นหากเราไม่ทราบเว็บไซต์ปลายทางจริงๆ ก็จะไม่สามารถเรียกดูได้  ไม่ว่าเว็บนั้นจะต้องห้ามหรือไม่ก็ตาม

ผมไม่รู้ว่ากระทรวงฯ ใช้วิธีนี้กับ registrar เจ้าอื่นๆ ด้วยหรือเปล่า  เพราะเจอแค่นี้ก็พูดไม่ออกแล้ว 

เรื่องนี้อาจจะไม่ถือเป็นปัญหา  เพราะ URL redirect แบบนี้อาจจะมีใช้กันไม่มากนัก  แต่ผู้บริโภคบางคนก็เสียตังค์จ่ายเงินใช้บริการไปแล้ว ก็อยากใช้ feature ต่างๆ ให้ครบถ้วนเหมือนกัน

อย่างนี้ต้องโทษใคร? คนที่ทะลึ่งทำเว็บต้องห้ามจนทำให้เกิดปัญหานี้  หรือ วิธีการแก้ปัญหาง่ายๆ ของเจ้าหน้าที่ครับ? 😐

ปล. ผมไม่เดือดร้อนมากนัก แต่ได้กรอกแบบฟอร์มแจ้งไม่ให้ปิดกั้น (ซึ่งหายากหน่อยเพราะเอาไปแอบๆ ไว้ในแบบฟอร์มแจ้งบล็อกเว็บ)  อย่างไรก็ตามผมคาดเดาผลลัพธ์ไว้ในใจแล้วละครับ