VIP Call center?

ขอพูดถึงเรื่องการเมืองได้ไหม เพราะผมมีความไม่เข้าใจหลายๆ อย่าง

ลองอ่านข่าว “ทรท.เปิดคอลเซ็นเตอร์“จากข่าวมีวัตถุประสงค์อยู่ 3 ข้อหลัก
1) การให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายพรรค หรือกิจกรรมการเมืองของพรรคทุกอย่าง
2) การให้บริการรับข้อมูลร้องเรียนในเรื่องต่างๆ อาทิ การไม่ได้รับบริการจากโรงพยาบาลของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ
3) ให้บริการระยะยาว เช่น การรับแจ้งเบาะแสยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ต่างๆ

วันนี้มีข่าวเรื่องการเปิดทำการของ call center นี้ โดยมีหัวหน้าพรรคไปทำการเปิดระบบ พร้อมทั้งลองรับโทรศัพท์ด้วยตนเอง มีรายหนึ่งร้องเรียนเกี่ยวกับยาเสพติดในท้องที่ หัวหน้าพรรคก็ต่อสายไปคุยกับตำรวจผู้รับผิดชอบในท้องที่นั้นทันที

ตัวอย่างข้างบนก็ดูดีนะครับ

แต่ผมก็ยังสงสัยในข้อ 2) อยู่ ถ้าผมเป็นสมาชิกพรรคแล้วผมมีเหตุที่จะต้องใช้บริการจากโรงพยาบาลหรือตำรวจ (ตำรวจมีหน้าที่บริการประชาชน ถูกไหมครับ) ซึ่งบังเอิญว่างานของโรงพยาบาลหรือตำรวจนั้นมีมากจนให้บริการผมไม่ทันใจ ผมก็โทรไปแจ้ง call center ให้ติดตามให้ แน่นอนว่าดีกับผมล่ะ ผมเหมือนจะได้สิทธิพิเศษที่จะได้รับบริการตรงนี้ เรื่องของผมที่ค้างคาอาจจะดำเนินการได้เร็วขึ้น

แล้วประชาชนคนตาดำๆ ก็ได้แต่มองตาปริบๆ

ผมว่าคงมีประชาชนทั่วๆ ไปจำนวนมากที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง อย่างน้อยผมก็คนนึงหละ ผมไม่มีเส้นสาย ผมก็คงต้องรอ อย่างมากก็เข้าไปถามไปตามเรื่องด้วยตัวเอง ซึ่งมันจะเร็วขึ้นนั้นก็ไม่รู้ ไม่มีอะไรการันตีเลย

แล้วตำรวจหรือโรงพยาบาลจะเป็นอย่างไร ที่เหมือนมี call center โทรมาสอบถามติดตาม โดยหน่วยงานเจ้าของ call center นั้นเป็นพรรคการเมืองพรรคใหญ่ของประเทศที่มีหัวหน้าพรรคเป็นถึงผู้นำประเทศ

จะให้ข้อมูลเฉยๆ แล้วปฏิบัติงานไปตามปกติ ตามขั้นตอนเดิม หรือจะเร่งรัดคิว แทรกและแซงเรื่องของสมาชิกพรรคขึ้นมาก่อนคนธรรมดาทั่วๆ ไป

จริงอยู่ที่แต่ละแห่งย่อมมีปัญหาในการทำงาน บางแห่งอาจดำเนินการชักช้าและมีปัญหาจริงๆ จนกระทั่งประชาชนเดือดร้อน แล้วทำไมรัฐไม่คิดทำ call center ขึ้นมาเองบ้าง ทำงานที่มันเหมือนๆ call center ของ ทรท. นี่แหละ แต่เน้นตรงข้อ 2) ให้มากหน่อย แล้วคอยติดตามตรวจสอบปัญหา เพื่อที่จะรวบรวมแล้วนำมาแก้ไขทั้งระบบ

อย่างนี้ถ้าเกิดมีใครสักคนอยากจะตั้ง call center ทำนองเดียวกันนี้ขึ้นมาบ้างได้ไหม เพื่อทำหน้าที่เร่งรัดติดตามงานที่คั่งค้างชักช้า เปิดเป็นบริษัทรับติดตามงานล่าช้าของรัฐทั่วราชอาณาจักร

ผมได้ยินนายกให้สัมภาษณ์ว่า จะให้เน้นดูแลจังหวัดที่ให้การสนับสนุนพรรคก่อน เมื่อรวมกับ call center ด้วยแล้วทำให้งงๆ ว่า ประชาชนคนไทยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มแล้วหรือไร คือ กลุ่มที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิกของพรรค เหมือนเป็นกลุ่มคน VIP และคนธรรมดาทั่วๆ ไป

เข้าใจว่านี้เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้ที่เป็นสมาชิกของพรรคนั้นจะได้รับสิทธิพิเศษกว่าคนอื่นๆ ซึ่งอาจจะทำให้มีคนสนใจสมัครเป็นสมาชิกของพรรคมากขึ้น นัยว่าเป็นเรื่องของการเอา CRM (Customer Relationship Management) มาใช้

น่าน้อยใจสำหรับคนธรรมดาๆ ชาวบ้านตาดำๆ ทั่วไปไหม ที่อยู่ดีๆ คนข้างบ้านก็กลายเป็นกลุ่มคน VIP ไปซะงั้น

กลิ่นความรัก

ถ้าคุณสามารถได้กลิ่นไอของความรัก และคุณเดินเข้ามาให้มหาวิทยาลัย หรือที่ไหนๆ ที่มีหนุ่มสาวรวมกลุ่มกันอยู่ คุณจะพบว่ามีกลิ่นของความรักตลบอบอวลไปทั่ว เนื่องด้วยระยะห่างที่เกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมสำหรับบางคู่ หรืออีกนัยหนึ่งคือเมื่อกลับมาอยู่ที่หอพักแล้ว ห่างไกลจากสายตาของพ่อแม่ผู้ปกครอง ก็เลยสามารถทำอะไรได้ตามที่ต้องการ ภาพของการเคล้าคลอเคลีย โอบกอด จูงไม้จูงมือ ก็มีให้เห็นไปทั่วจนชินตาสำหรับผม

แต่ในบางครั้งความรักไม่ได้ทำให้ตาบอดเพียงอย่างเดียว ยังทำให้โสตประสาทอื่นๆ ของร่างกายทำงานผิดพลาดไปด้วย การรับรู้ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมถูกตัดขาดลง โลกทั้งใบดูเหมือนจะเหลือแต่เราสองคน

ที่เขียนมาข้างต้น ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะว่าในช่วงเวลานี้ผมจะต้องระมัดระวังในการขับรถในมหาวิทยาลัย อย่างเช่นเมื่อวานนี้เกือบชนลูกสาวและลูกชายของใครก็ไม่ทราบ เขาทั้งสองนั่งรถป๊อบคันเล็กๆ ผู้ชายเป็นคนขับโดยโอบกอดผู้หญิงที่นั่งตรงกลาง ขณะนั้นผมขับรถกำลังจะเร่งแซงเขาทั้งสองไป แต่แล้วผมก็ต้องเบรคอย่างแรงจนกล่องข้าวที่ซื้อมากระเด็นตกลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้น ดีที่กล่องไม่เปิดออก ไม่อย่างนั้นผมคงต้องนั่งกินข้าวจากถุงพลาสติกเป็นแน่

สาเหตุที่ผมต้องเบรคหัวทิ่ม เพราะเขาต้องการจะกลับรถและเขาก็ทำมันทันที ผมหยุดและเขาก็หยุด ผมมองไปด้วยความเซ็ง พูดอะไรไม่ออก นึกอยากจะด่าออกไป แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ผมนั่งนิ่งและรอจนกระทั่งเขากลับรถผ่านผมไป แล้วผมจึงเคลื่อนรถต่อ

บอกแล้วไงครับว่า ความรักไม่ได้ทำให้คนตาบอดเพียงอย่างเดียว ยังทำให้โสตประสาทส่วนอื่นๆ ทำงานผิดพลาด จนทำให้บางครั้งเกือบตายด้วย

เดือนแห่งการเดินทาง

ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผมเดินทางบ่อยมากกว่าปกติ เริ่มตั้งแต่งานประชุมวิชาการวิศวกรรมไฟฟ้าครั้งที่ 28 (EECON-28) ซึ่งปีนี้ธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพ ครั้งนี้จัดให้มีขึ้นที่จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 19-20 ต.ค. 48 มีคนไปร่วมงานประมาณ 400 คนได้ ผมได้รับมอบหมายให้เป็นตากล้องคนหนึ่งในงานนี้ DSC_1785 ถึงแม้งานประชุมจะมีแค่ 2 วัน แต่ผู้จัดงานก็ต้องเดินทางไปจัดเตรียมงานล่วงหน้าและต้องเดินทางกลับทีหลังเพราะต้องเก็บข้าวเก็บของต่างๆ ที่ขนไปจัดงานกลับมาให้ครบถ้วน รวมๆ แล้วผมอยู่ที่ภูเก็ตทั้งหมด 5 วัน แต่ก็ไม่ได้ออกตะเวณเที่ยวที่ไหน นอกจากในวันสุดท้ายที่จัดไปเที่ยว ซึ่งถือเป็นการให้รางวัลผู้ที่เสียสละเข้ามาช่วยงานซึ่งก็มีนักศึกษาป.ตรีและป.โท รวมทั้งอาจารย์และเจ้าหน้าที่ของภาควิชาส่วนหนึ่ง

สถานที่พวกเราไปแวะไปเยี่ยมชมคือที่แรกคือพระผุด และจากนั้นก็เดินทางไปที่แหลมพรหมเทพ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ถึงแม้จะเคยมาภูเก็ตเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่ก็ไม่มีโอกาสได้แวะ ซึ่งที่นี่พวกเราก็สนุกสนานกับการถ่ายภาพพอสมควร นักศึกษาบางคนก็เดินลงไปที่แหลมเลย ส่วนผมแค่คิดก็เหนื่อยแล้วจึงได้แค่ถ่ายภาพบรรยากาศรอบๆ Img0084

หลังจากถ่ายรูปที่แหลมพรหมเทพกันจนหนำใจแล้ว พวกเราก็เดินทางไปที่ภูเก็ตแฟนตาซี งานนี้ทุกคนได้เข้าไปดูฟรีหมด เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับการร่วมแรงร่วมใจกันช่วยงานเป็นอย่างดี ผมทราบมาว่าได้รับคำชมจากผู้ร่วมงาน รวมทั้งกรรมการของ EECON ที่เราสามารถจัดงานได้ดี โดยมีข้อผิดพลาดน้อยมาก

ส่วนตัวผมเองหลังจากกลับจากงาน EECON แล้วก็แทบไม่มีเวลาพักเพราะต้องจัดเตรียมเอกสารเพื่อใช้ในการอบรม PHP ต่อทันที (25-28 ต.ค.) ซึ่งจริงๆ แล้วก็หอบไปที่ภูเก็ตด้วยเหมือนกัน แต่ก็แทบไม่ได้ทำอะไรเพราะลำพังแค่งาน EECON ก็เหนื่อยแล้ว ผมอาศัยช่วงเวลาที่ต้องเป็นรองประธาน session ซึ่งส่วนใหญ่ก็นั่งเฉยๆ ทบทวนเอกสารก่อนการบรรยาย เรียกได้ว่าฉุกละหุกพอสมควร ที่สำคัญคือในช่วงที่มีการอบรมนั้นผมเป็นช่วงที่ต้องส่งเกรดให้กับสำนักทะเบียน รอดช่วงเวลานั้นมาได้ก็สาหัสเหมือนกันครับ

หลังจากอบรมเสร็จ วันที่ 29 ต.ค. ผมก็ต้องเดินทางไปงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนๆ สมัยมัธยมที่ อ.แกลง จ.ระยอง มีเพื่อนๆ ไปพร้อมกับครอบครัวรวมๆ แล้วเกือบ 30 คน พวกเราไปค้างที่รีสอร์ทหนึ่งคืนแล้ววันที่ 30 ต.ค. ก็เดินทางกลับ งานเลี้ยงสนุกมาก เกินคำบรรยาย ถ้าคุณมีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมที่สนิทกันมากๆ คุณคงจะเข้าใจถึงสิ่งที่ผมพูดดีครับ

ผมมีเวลาพักอยู่เฉยๆ อีก 3 วัน ซึ่งก็ใช้เวลานี้ในการจัด คัด เลือกรูปภาพงาน EECON เพื่อที่จะนำขึ้นเว็บให้ผู้ที่รอดูรูปภาพได้ดูเสียที แล้วในวันที่ 3-4 พ.ย. ผมก็ต้องเดินทางไปที่วิทยาลัยนวัตกรรม ม.ธรรมศาสตร์ ที่พัทยา เพื่อประชุมในเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายทางด้านไอทีของมหาวิทยาลัย งานนี้ทำให้ทราบว่ามหาวิทยาลัยกำลังมีการปรับปรุงส่วนงานต่างๆ โดยเอาไอทีเข้าไปช่วย มีการดำเนินการหลายอย่างที่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต

ลืมบอกไปว่าครั้งก่อนที่ไปงานเลี้ยงรุ่น และครั้งที่ไปพัทยานี้ผมขับรถไปเองทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งหลังจากงานประชุมที่พัทยาแล้ว ผมก็เลยไปเยี่ยมเพื่อนที่ อ.แกลงอีกครั้ง คราวนี้อยู่ที่แกลง 3 วัน 2 คืน ซึ่งเพื่อนก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนจริงๆ ช่วงหนึ่ง ผมแบกกล้องไปด้วยแต่ก็ไม่ได้ถ่ายอะไรมากนัก

*รูปถ่ายข้างบนสามารถคลิกได้ครับ

วันนี้มีอะไร…

– ดูข่าวทีวี เห็นประธานวุฒิสภากับส.ว. ทะเลาะกัน
– “ทักษิณ” เปิดฉากฟ้อง “สนธิ” เรียก 500 ล้าน
– นักโทษ 3 ตนผูกคอตายปริศนา
– ฆ่าเจ้าของร้านทองและภรรยา
– พ่อข่มขืนลูก
– ภาคใต้ยังร้อนระอุ

เรื่องธรรมดาๆ

มีเรื่องธรรมดาๆ ที่ผมเพิ่งเจอภายใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา…

เรื่องแรกก็คือ หลังจากกลับจากทานอาหารเย็นซึ่งเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ผมกับอาจารย์อีก 4 ท่านก็เดินกลับไปที่ตึกทำงาน ระหว่างทางเราผ่านรถยนต์คนนึงที่จอดและเปิดไฟหน้าทิ้งไว้ พอเราเดินเข้าไปใกล้และมองเข้าไปในรถ ก็พบนักศึกษาชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม โดยไม่สนใจเราที่เดินผ่านไปมา ซึ่งจริงๆ แล้วบริเวณที่รถจอดอยู่นั้นเป็นบริเวณที่มีคนผ่านไปมา แล้วถ้าหากเลื่อนไปอีกนิด ก็จะเป็นถนนที่ไม่มีคนพลุกพล่านเลย แต่ท่าทางทั้งคู่จะอดใจไม่ไหว
Kiss me!

เรื่องที่สองก็คล้ายๆ กับเรื่องแรก เกิดเมื่อวานซืนนี้เองหลังจากกลับจากทานอาหารเย็นอีกเช่นกัน ช่วงนั้นฝนกำลังตกปรอยๆ มีชายหญิงคู่หนึ่งยืนกางร่มหันหน้าเข้าหากันและจูบกัน ซึ่งเป็นบริเวณที่รถที่ยูเทิร์นบริเวณนั้นทุกคันจะต้องส่องไฟผ่านไปเห็นเข้า

ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เรื่องคู่สามีภรรยานักศึกษา เรื่องกิจกรรมยามดึกในรถยนต์ก็มีให้เห็นมาตั้งแต่ผมเริ่มมาทำงานที่นี่ใหม่ๆ แต่หลังจากที่เจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันภายในสองสัปดาห์ ในบริเวณที่คนพลุกพล่าน ผมก็ชักไม่แน่ใจว่า อะไรๆ ในปัจจุบันมันเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้แล้วหรือ? หรือว่าผมพลาดอะไรบางอย่างไป…

หรือในอนาคตมันจะเป็นเรื่องธรรมดาที่คนในรุ่นต่อไปจะยืนกอดจูบกันได้อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ โดยไม่สนใจคนอื่นที่ผ่านไปมา

…มันคงเป็นเรื่องธรรมดากระมังครับ…

Apache web server VS SELINUX

วันนี้ได้มีโอกาสย้ายข้อมูลของเว็บเซิร์ฟเวอร์ ในเครื่องใหม่มีการติดตั้ง SELINUX ไว้ด้วย ทีนี้ผมต้องการย้าย home ของเว็บเพจจาก /var/www ให้เป็น /home/httpd เพื่อให้เหมือนกับโครงสร้างเดิม ผมก็เลยดำเนินการแก้ไขไฟล์ httpd.conf จาก /var/www ให้เป็น /home/httpd ทั้งหมด แล้วก็ restart apache ใหม่ ผลปรากฏว่า start apache ไม่ได้ และมีข้อความเตือนดังนี้

Starting httpd: Syntax error on line 265 of /etc/httpd/conf/httpd.conf:
DocumentRoot must be a directory
[FAILED]

ผมมั่นใจว่าแก้ไขไฟล์ httpd.conf ถูกแน่ๆ เลยลองเข้าไปดูใน /var/log/message ก็พบข้อความ error ต่อไปนี้

Sep 10 19:07:11 hostname httpd: DocumentRoot must be a directory
Sep 10 19:07:11 hostname kernel: audit(1126354031.054:0): avc: denied { getattr } for pid=4120 comm=httpd path=/home/httpd/html dev=hda10 ino=3194909 scontext=root:system_r:httpd_t tcontext=root:object_r:user_home_t tclass=dir
Sep 10 19:07:11 hostname httpd: httpd startup failed

คาดว่าคงเป็นเพราะว่ายังไม่ได้แก้ไข config ของ SELINUX ผมเลยลองค้นดูใน Google ก็เจอเอกสารที่คนไทยเขียนไว้เหมือนกัน แต่ไหงบอกว่าถ้าเจอปัญหาทำนองนี้ ให้แก้ไขโดยการยกเลิกการใช้งานของ SELINUX ซะ (อ้าว…)

วิธีปิด SELINUX ก็ให้แก้ไขแฟ้มชื่อ /etc/selinux/config แก้ไขจากเดิมบรรทัดว่า SELINUX=enforcing ให้เป็น SELINUX=disabled แล้วรีบูทเครื่องใหม่

แต่ผมไม่อยากปิด SELINUX ก็เลยลองตรวจสอบดูหน่อยว่าที่ /var/www มีการตั้งค่าไว้ยังไงบ้าง โดยใช้คำสั่ง ls -Z

[root@hostname www]# ls -Z
drwxr-xr-x root root system_u:object_r:httpd_sys_script_exec_t cgi-bin
drwxr-xr-x root root system_u:object_r:httpd_sys_content_t error
drwxr-xr-x root root system_u:object_r:httpd_sys_content_t html
drwxr-xr-x root root system_u:object_r:httpd_sys_content_t icons
drwxr-xr-x root root system_u:object_r:httpd_sys_content_t manual

ทีนี้ลงหาวิธีการ config ให้ apache สามารถใช้ /home/httpd ได้ ก็พบเว็บนี้ครับ
http://www.linuxhomenetworking.com/linux-hn/apachebasic.htm

ลองตรวจสอบก่อนว่า /home/httpd ของเดิมเป็นยังไง โดยใช้คำสั่ง ls -Z

[root@hostname httpd]# ls -Z
drwxr-xr-x root root root:object_r:user_home_t cgi-bin
drwxr-xr-x root root root:object_r:user_home_t error
drwxr-xr-x root root root:object_r:user_home_t html
drwxr-xr-x root root root:object_r:user_home_t icons
drwxr-xr-x root root root:object_r:user_home_t manual

ทีนี้ใช้คำสั่งนี้เพื่อแก้ไข context label
chcon -R -h -t httpd_sys_content_t /home/httpd

หลังจากนั้นลอง ls -Z ดูผลลัพธ์สักที

[root@hostname httpd]# ls -Z
drwxr-xr-x root root root:object_r:httpd_sys_content_t cgi-bin
drwxr-xr-x root root root:object_r:httpd_sys_content_t error
drwxr-xr-x root root root:object_r:httpd_sys_content_t html
drwxr-xr-x root root root:object_r:httpd_sys_content_t icons
drwxr-xr-x root root root:object_r:httpd_sys_content_t manual

แล้วก็ลอง start apache อีกสักครั้ง
[root@hostname httpd]# service httpd start
Starting httpd: [ OK ]

สำเร็จ!

Service mind

สมัยผมเรียนปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยมีห้องคอมพิวเตอร์เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ในช่วงปีแรกๆ จำนวนคอมพิวเตอร์มีไม่เพียงพอกับจำนวนนักศึกษา แต่ปีถัดมาก็ได้แก้ไขโดยการเพิ่มจำนวนคอมพิวเตอร์และย้ายไปยังห้องที่รองรับจำนวนนักศึกษาได้มากขึ้น ที่ถูกใจผมก็คือนอกจากมีเครื่อง pc ให้บริการแล้วก็ยังมี SUN sparc 10 ซึ่งทันสมัยในตอนนั้นให้นักศึกษาใช้งานด้วย

ทุกอย่างน่าจะไปได้ด้วยดี นักศึกษาน่าจะพอใจ เพราะนักศึกษาที่ไปใช้คอมพิวเตอร์ทำงานมีจำนวนมากเรียกได้ว่ามีนักศึกษาไปใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง แต่มีจุดเล็กๆ ที่สร้างปัญหาทำให้เรื่องลุกลามใหญ่โต จนถึงขึ้นเกิดการประท้วงจากนักศึกษาจำนวนมาก ในที่สุดผู้บริหารของสำนักคอมพิวเตอร์ต้องออกมาพบนักศึกษาในที่ประชุมใหญ่

จุดเล็กๆ ที่ว่านั่นก็คือเรื่องของการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องคอมพิวเตอร์ ผมจำได้ว่ามหาวิทยาลัยจ้างให้บริษัทรปภ.เป็นผู้รับผิดชอบ ปัญหาอยู่ที่รปภ. ที่เฝ้าห้อง เพราะได้แสดงกริยาที่ไม่สุภาพกับนักศึกษา ซึ่งผมเองก็เจอมากับตัวเองด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังทราบมาจากเพื่อนว่าได้มีการเรียกเก็บเงินจากนักศึกษาด้วยหากต้องการให้ลัดคิวการจองเครื่องคอมพิวเตอร์

เมื่อเจอกับมารยาทที่ทรามและพฤติกรรมเหมือนมาเฟียของรปภ. ไปสักระยะ ในที่สุดนักศึกษาทนไม่ได้จนถึงขึ้นเกิดการประท้วง ซึ่งดูเหมือนว่าผู้บริหารที่น่าจะเป็นอาจารย์ก็เพิ่งจะได้รับทราบเรื่องราวจากนักศึกษาในวันที่เกิดการประท้วงนั่นเอง จำได้ว่าผมเห็นอาจารย์พูดอะไรไม่ออก ได้เพียงแต่สอบถามข้อมูล และจดบันทึกเพื่อที่จะนำไปแก้ไข ซึ่งในที่สุดเรื่องราวก็จบลงด้วยดี

แต่เรื่องราวและภาพเหล่านี้ถูกทำให้กลับมาปรากฎในความจำผมอีกครั้ง เพราะผมได้รับแจ้งจากนักศึกษาว่ามีเจ้าหน้าที่พูดจาไม่สุภาพและแสดงกริยาที่ไม่เหมาะสมกับนักศึกษา ผมเองนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องราวอะไรแบบนี้ขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้บริหารผมก็คงต้องหาทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะลุกลามใหญ่โต

ศูนย์คอมพิวเตอร์ฯ ให้บริการแก่นักศึกษาทั้งหมดของคณะ รวมทั้งอาจารย์และบุคลากรทั้งหมด ศูนย์ฯ มีห้องคอมพิวเตอร์ให้บริการนักศึกษา โดยมีการปรับปรุงและพัฒนาระบบอยู่ตลอด ซึ่งอะไรที่พยายามปรับปรุงและพัฒนานั้นก็เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการ แต่เมื่อเจอตัวผู้ใช้งานจริงๆ เข้า เจ้าหน้าที่กับแสดงกริยาไม่เหมาะสมกับนักศึกษา

ถ้าอย่างนั้น อะไรต่างๆ ที่พยายามพัฒนาแก้ไขปรับปรุงมาทั้งหมดนั้น จะทำไปทำไมกัน? เพราะเมื่อเจอผู้ใช้จริงๆ แล้วกลับมีกริยาเหมือนไม่ต้อนรับและไม่ยินดีให้บริการ แสดงว่าเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบมีความเข้าใจอะไรผิดบางอย่างเกี่ยวกับหน้าที่การให้บริการของศูนย์ฯ

ปัญหานี้น่าจะเป็นเรื่องของ Service mind หรือการมีจิตใจในการให้บริการ มีความเต็มใจในการให้บริการ ผมลองค้นหาในเว็บว่า service mind คืออะไร ซึ่งก็ได้มีผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ โดยอธิบายคำว่า service และ mind ดังนี้

S = Smile แปลว่า ยิ้มแย้ม
E = enthusiasm แปลว่า ความกระตือรือร้น
R = rapidness แปลว่า ความรวดเร็ว ครบถ้วน มีคุณภาพ
V = value แปลว่า มีคุณค่า
I = impression แปลว่า ความประทับใจ
C = courtesy แปลว่า มีความสุภาพอ่อนโยน
E = endurance แปลว่า ความอดทน เก็บอารมณ์

และ

M = make believe แปลว่า มีความเชื่อ
I = insist แปลว่า ยืนยัน/ยอมรับ
N = necessitate แปลว่า การให้ความสำคัญ
D = devote แปลว่า อุทิศตน

ข้อมูลข้างบนนี้นำมาจาก http://www.cdd.go.th/jarupong/j4607181.htm ลองเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้